การผ่าตัดลดน้ำหนักทำงานอย่างไร

การผ่าตัดลดน้ำหนักหรือที่เรียกว่าการผ่าตัดลดความอ้วนเช่นการรัดกระเพาะอาหารหรือการทำบายพาสเช่นการปรับกระเพาะอาหารและปรับเปลี่ยนกระบวนการย่อยและการดูดซึมสารอาหารตามปกติช่วยให้ผู้คนลดน้ำหนักและเพิ่มคุณภาพชีวิต .

การผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนักมีไว้สำหรับผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 35 หรือ 40 เนื่องจากถือว่าเป็นโรคอ้วนหรือมีโรคอ้วนและโดยปกติแล้วการผ่าตัดจะช่วยลดน้ำหนักได้ระหว่าง 10% ถึง 40%

เมื่อสามารถระบุการผ่าตัดได้

การผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนักมักจะได้รับการแนะนำโดยแพทย์เมื่อไม่มีวิธีลดน้ำหนักอื่น ๆ ที่มีผลกล่าวคือเมื่อไม่ได้รับประทานอาหารการออกกำลังกายอาหารเสริมหรือยาบุคคลนั้นก็สามารถลดน้ำหนักที่กำหนดได้

ประเภทของการผ่าตัดแตกต่างกันไปตามเป้าหมายของการลดน้ำหนัก:

สุขภาพที่ดีขึ้นในกรณีเหล่านี้ขอแนะนำให้ทำการ ผ่าตัดลดความอ้วนซึ่งขนาดของกระเพาะอาหารจะลดลงเพื่อให้ปริมาณอาหารที่กินเข้าไปน้อยลงซึ่งจะช่วยลดน้ำหนักได้ การผ่าตัดนี้มีไว้สำหรับผู้ที่มีโรคอ้วนและเป็นสิ่งสำคัญที่หลังการผ่าตัดบุคคลที่อยู่นอกเหนือจากการรักษาโดยแพทย์ต่อมไร้ท่อต้องรับประทานอาหารให้เพียงพอและฝึกการออกกำลังกาย
สุนทรียศาสตร์ซึ่งสามารถระบุการ ดูดไขมันซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อขจัดชั้นของไขมัน การผ่าตัดนี้ไม่ถือเป็นการผ่าตัดลดน้ำหนักเนื่องจากไม่ได้ส่งเสริมการลดน้ำหนัก แต่เป็นการผ่าตัดเพื่อความงามที่สามารถกำจัดไขมันที่มีอยู่ในปริมาณมากได้เร็วขึ้น

แพทย์ควรระบุประสิทธิภาพของการผ่าตัดตามความต้องการของบุคคลและความสัมพันธ์ระหว่างการลดน้ำหนักกับการปรับปรุงสุขภาพ นอกเหนือจากการผ่าตัดแล้วยังมีวิธีการเสริมความงามอื่น ๆ ที่ช่วยกำจัดไขมันที่มีการแปลโดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเช่นการดูดไขมันการแช่แข็งการสลายไขมันและความถี่วิทยุเป็นต้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาเพื่อลดหน้าท้อง

เทคนิคการผ่าตัดลดความอ้วน

โดยทั่วไปการผ่าตัดการสูญเสียน้ำหนักจะดำเนินการภายใต้การดมยาสลบและสามารถทำได้โดยการผ่าตัดเปิดช่องท้องทำให้ตัดกว้างขวางเพื่อเปิดหน้าท้องของผู้ป่วยออกจากแผลเป็นประมาณ 15 25 ซมเหนือแผลเป็นสะดือหรือผ่านการส่องกล้อง , บางรูถูกสร้างขึ้นในช่องท้องซึ่งเครื่องมือและกล้องวิดีโอผ่านไปเพื่อทำการผ่าตัดทำให้ผู้ป่วยมีแผลเป็นขนาดเล็กมากประมาณ 1 ซม.

ก่อนการผ่าตัดผู้ป่วยจะต้องได้รับการประเมินโดยแพทย์ทำการตรวจเลือดและทำการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบนเพื่อประเมินว่าสามารถเข้ารับการผ่าตัดลดความอ้วนได้หรือไม่ นอกจากนี้ในกรณีปกติการผ่าตัดอาจใช้เวลาระหว่าง 1 ถึง 3 ชั่วโมงและระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลอาจแตกต่างกันไประหว่าง 3 วันถึงหนึ่งสัปดาห์

ประเภทของการผ่าตัดลดน้ำหนัก

การผ่าตัดกระเพาะอาหารที่พบบ่อยที่สุดที่ช่วยให้คุณลดน้ำหนัก ได้แก่ การใส่แถบรัดกระเพาะอาหารการทำกระเพาะอาหารการตัดกระเพาะและการใส่บอลลูนในช่องท้อง

กระเพาะอาหาร

บายพาสกระเพาะอาหาร

1. รัดกระเพาะลดน้ำหนัก

การรัดกระเพาะอาหารเป็นการผ่าตัดลดน้ำหนักที่ประกอบด้วยการรัดไว้รอบ ๆ ส่วนบนของกระเพาะอาหารและแบ่งกระเพาะอาหารออกเป็นสองส่วนทำให้คนเรากินอาหารในปริมาณเล็กน้อยเนื่องจากกระเพาะอาหารมีขนาดเล็กลง

ในการผ่าตัดนี้ไม่มีการตัดกระเพาะเพียงบีบเหมือนบอลลูนลดขนาดลง ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: แผ่นรัดกระเพาะลดน้ำหนัก

2. บายพาสกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก

ในทางเบี่ยงของกระเพาะอาหารจะมีการตัดกระเพาะอาหารซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วนส่วนที่เล็กกว่าและส่วนที่ใหญ่กว่า ส่วนที่เล็กที่สุดของกระเพาะอาหารคือส่วนที่ทำงานและใหญ่ที่สุดแม้ว่าจะไม่มีหน้าที่ใด ๆ แต่ก็อยู่ในร่างกาย

นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างกระเพาะอาหารขนาดเล็กและส่วนหนึ่งของลำไส้ซึ่งโดยการมีเส้นทางที่สั้นกว่าจะนำไปสู่การดูดซึมสารอาหารและแคลอรี่ในปริมาณเล็กน้อย เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่: เลี่ยงกระเพาะเพื่อลดน้ำหนัก

การทำอาหารด้วยบอลลูนในช่อง

ท้อง

3. Intragastric balloon เพื่อลดน้ำหนัก

ในเทคนิคการทำบอลลูนเข้าช่องท้องบอลลูนจะอยู่ในกระเพาะอาหารซึ่งทำจากซิลิโคนและเต็มไปด้วยน้ำเกลือ เมื่อแต่ละคนกินอาหารมันจะอยู่เหนือบอลลูนทำให้รู้สึกอิ่มเร็วมาก

การผ่าตัดนี้ทำได้โดยการส่องกล้องโดยไม่จำเป็นต้องดมยาสลบและนำไปสู่การลดลงถึง 13% ของน้ำหนักตัว อย่างไรก็ตามบอลลูนจะต้องถูกลบออก 6 เดือนหลังจากการจัดวาง ดูเพิ่มเติมได้ที่: Intragastric balloon ลดน้ำหนัก

4. gastrectomy แนวตั้งเพื่อลดน้ำหนัก

Gastrectomy ประกอบด้วยการเอาส่วนซ้ายของกระเพาะอาหารออกและกำจัด ghrelin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่รับผิดชอบต่อความรู้สึกหิวจึงทำให้ความอยากอาหารลดลงและการกินอาหารลดลง

ในการผ่าตัดนี้การดูดซึมสารอาหารตามปกติจะเกิดขึ้นเนื่องจากลำไส้ไม่เปลี่ยนแปลงและสามารถลดน้ำหนักเริ่มต้นได้ถึง 40% เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่: การผ่าตัดกระเพาะในแนวตั้งเพื่อลดน้ำหนัก